ต่างชาติตื่นไทยวิจัยวัคซีนเอดส์ คืบหน้าครั้งแรกของโลก 31%

วิจัยวัคซีนเอดส์ระยะ 3 ไม่สำเร็จ หลังทดลองนาน 4 ปี ลดโอกาสติดเชื้อไม่ตามเป้า ทำให้ได้แค่ 31.2% แต่ชี้เป็นครั้งของโลก วัคซีนให้ผลป้องกันได้ "สหรัฐ" ชื่นชม เป็นจุดเปลี่ยนก้าวสู่ความสำเร็จการวิจัยวัคซีนเอดส์ในอนาคต ด้าน "หมอศุภชัย" เผยมีอาสาสมัครติดเชื้อเอดส์ 125 คน หลังรับวัคซีนจากผู้เข้าร่วมโครงการ 16,400 คน เสียชีวิต 2 คน ยันไม่ได้เกิดจากวัคซีน

นาย วิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เป็นประธานแถลงผลการวิจัยของโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลอง ระยะที่ 3 (RV 144) ว่า โครงการทดสอบวัคซีนเอดส์นี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพบกสหรัฐอเมริกา กระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ บริษัทซาโนฟีปาสเตอร์และโกลบอล โซลูชั่นสฟอร์ อินเฟคชัส ดีสิสสิส (GSIS) หลังจากได้ดำเนินการวิจัยต่อเนื่องมา 4 ปี โดยทดสอบวัคซีนในอาสาสมัครในพื้นที่ จ.ชลบุรีและระยอง

และได้มีประเมินผลวัคซีนแล้วพบว่า วัคซีนมีประสิทธิผลลดโอกาสการติดเชื้อได้ 31.2% แต่ยังไม่อยู่ในระดับเกณฑ์ที่คณะผู้วิจัยได้ตั้งไว้ ในขณะที่อาสาสมัครทดลองวัคซีนที่ติดเชื้อนั้น จากการตรวจพบว่าไม่สามารถลดจำนวนปริมาณไวรัสในเลือดได้ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ก็เป็นโครงการที่น่าชื่นชมที่เป็นไปตามแผนพัฒนาวัคซีนเอดส์ ที่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2536

"ผลจากการวิจัยทดลองวัคซีนเอดส์ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่พบว่าวัคซีนเอดส์มีผลในการป้องกัน ซึ่งจะเป็นแนวทางในการนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาวัคซีนต่อไปในอนาคต" นายวิทยา กล่าวและว่า ดังนั้น ตนขอชื่นชมยินดี และขอขอบคุณโดยเฉพาะอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการทดลองทั้งที่ จ.ชลบุรี และระยอง

ทดลองอาสาสมัคร 1.6 หมื่นคน

นายเอริค จี. จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งนี้ถือเป็นผลงานที่สำคัญมาก และขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่เป็นส่วนของประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอาสาสมัครทดลองวัคซีนที่เข้าร่วมโครงการ 16,402 คน เนื่องจากเอดส์เป็นภัยคุกคามทั่วโลก และหลายประเทศพยายามหาทางต่อสู้ในการรักษาและป้องกัน ซึ่งวัคซีนเป็นทางออกสำคัญ สำหรับผลการทดลองวัคซีนเอดส์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เราได้ก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จแล้ว

พ.อ.เจอโรม คิม หัวหน้าโครงการทดลองวัคซีน กองทัพสหรัฐ กล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเราอาจมีวัคซีนเอดส์ที่ได้ผลในอนาคต ทั้งยังเป็นการเปลี่ยนมุมมองการวิจัยเรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยน ซึ่งหลังจากนี้ เชื่อว่าจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างนักวิจัยทั่วโลก เพื่อต่อยอดการวิจัยวัคซีนเอดส์ต่อไป สำหรับการวิจัยวัคซีนเอดส์ภายใต้โครงการนี้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 105 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ นพ.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้ว่าการวิจัยวัคซีนครั้งนี้ จะมีผลในการลดโอกาสการติดเชื้อได้ แต่ยืนยันว่าการใช้วัคซีนจะต้องควบคุมกับการป้องกันลดพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งทางกรมควบคุมโรคจะเร่งรณรงค์ป้องกันการติดเชื้อเอดส์ต่อไป

เตรียมทบทวนข้อมูลอีกครั้ง

ด้าน นพ.ศุภชัย ฤกษ์งาม ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองระยะที่ 3 กล่าวว่า ผลการทดลองวัคซีนสูตรผสม ระหว่างวัคซีนทดลองปูพื้น ALVAC-HIV กับวัคซีนกระตุ้น AIDSVAX B / E ในครั้งนี้ได้ผลต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งคาดคะเนไว้ว่าจะต้องได้ผลการป้องกันไม่ต่ำกว่า 50% แต่โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกจากเดิมที่ไม่เคยมีการทดลองใดที่มีผลในการ ป้องกันมาก่อน ซึ่งการประเมินผลการทดลองเชื่อได้ เพราะมีการตรวจสอบทั้งก่อนการดำเนินโครงการทดลองวิจัย ระหว่างการวิจัย และยังมีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางสถิติที่ไม่เกี่ยวข้องกับการวิจัยใน โครงการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่สามารถเดินหน้าการวิจัยต่อได้ เพราะต้องมีการนำข้อมูลในโครงการทั้งหมดมาทบทวนอีกครั้ง เพราะในระหว่างการวิจัยมีข้อมูลมากมายที่ยังดึงมาไม่หมด

นพ.ศุภชัย กล่าวว่า ในจำนวนอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ 16,400 คน มีผู้ติดเชื้อเอดส์หลังได้รับวัคซีน 125 คน โดยเป็นอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีน 51 คน และสารเลียนแบบ 74 คน ในจำนวนผู้ได้รับสารเลียนแบบนี้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งไม่ได้เกิดจากวัคซีน แต่ไม่สามารถเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตได้ เพราะเป็นเฉพาะผู้ป่วย สำหรับอาสาสมัครที่ติดเชื้อเอดส์หลังรับวัคซีนนั้น หลังจากนี้ จะมีโครงการติดตามผู้ที่ได้รับวัคซีนในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มที่ติดเชื้อและให้การดูแลตามมาตรฐานการรักษาของประเทศ และจะได้รับยาต้านไวรัสฟรีไปตลอดชีพ

ซาโนฟี เดินหน้าทดสอบต่อ

นายมิเชล เดอวิลด์ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของซาโนฟี ปาสเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีน ALVAC™-HIV ซึ่งเป็นวัคซีนปูพื้น กล่าวว่า ถึงแม้อัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีจะลดลงไม่มากนัก แต่ก็ถือว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ นี่เป็นหลักฐานที่เป็นรูปธรรมครั้งแรกนับตั้งแต่มีการค้นพบไวรัสในปี 2526 ที่แสดงว่าในที่สุดก็เป็นไปได้ที่จะมีวัคซีนต้านเชื้อเอชไอวี และเรายังคงต้องดำเนินการ เพื่อพัฒนาและทดสอบต่อไป

นายคริสโตเฟอร์ วีห์บัคเคอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มซาโนฟี อเวนตีส กล่าวว่า "เอชไอวีเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าเรื่องของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น เราจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐบาล องค์กรพัฒนาภาคเอกชนและบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ เพื่อให้สร้างความเจริญให้วงการวิทยาศาสตร์

จี้ดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ผลการวิจัยถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะไม่เคยมีการทดลองวัคซีนเอดส์ใด ที่ให้ผลในการลดโอกาสการติดเชื้อมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ โครงการลดการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มผู้เสพยาก็ให้ผล 0% แต่ทั้งนี้ อยากถามว่าจากข้อมูลในวันนี้หากมีการทดลองวิจัยวัคซีนจนสำเร็จแล้ว ประเทศไทยจะได้อะไร จะมีความร่วมมือใดๆ ที่จะได้ประโยชน์หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา เป็นการทดลองที่ใช้อาสาสมัครคนไทย และเป็นโครงการที่ทำในไทยยาวนาน นอกจากนี้ ตนยังเป็นห่วงอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการนี้ ที่มีการติดเชื้อเอดส์หลังรับวัคซีน จำเป็นที่กระทรวงต้องมีโครงการในการดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย

อสส.เสียใจผลทดลองไม่สำเร็จ

นายบริพัฒน์ ดอนมอน ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในโครงการดังกล่าวมีอาสาสมัครที่เสียชีวิต 2 คน อยากให้ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตให้กระจ่าง เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่เร็วกว่าปกติ เนื่องจากผู้ติดเชื้อจะเสียชีวิตหลังได้รับเชื้อ 5-7 ปี แต่นี่ไม่ถึง 4 ปีก็เสียชีวิตแล้ว จึงอยากทราบว่าเป็นการติดเชื้อจากเชื้อโรคฉวยโอกาสหรือว่าเป็นผลมาจากวัคซีน

น.ส.อารีย์ กำพลรัตน์ อายุ 32 ปี หนึ่งในอาสาสมัครทดลองวัคซีนเอดส์ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่วัคซีนไม่ได้ผล และขณะนี้ ยังไม่ได้รับแจ้งว่าสารที่ตนได้รับเป็นสารเลียนแบบหรือวัคซีน แต่หลังจากที่เข้าร่วมโครงการโดยรับการฉีดวัคซีนจำนวน 6 เข็ม ในช่วง 3 ปี มีการตรวจร่างกายเป็นระยะๆ สุขภาพก็ยังคงเป็นปกติดี ไม่มีอาการป่วยเรื้อรังใดๆ ส่วนที่มีอาสาสมัครเสียชีวิต 2 คนนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว

Comments

0 Responses to "ต่างชาติตื่นไทยวิจัยวัคซีนเอดส์ คืบหน้าครั้งแรกของโลก 31%"

Post a Comment