สุดยอดอาหารที่ทำให้อารมณ์ดี

ทำให้อารมณ์เปลี่ยน ร่างกายแข็งแรง ขับถ่ายคล่อง



โอ๊ย!! อารมณ์เสีย... คำพูดที่มักจะได้ยินอยู่เสมอๆ เป็นธรรมดาที่คนเราต้องมีความรู้สึกนี้ แต่ทราบไหมว่าเราสามารถแก้ไขอารมณ์บูดๆ เหล่านี้ได้ด้วยการรับประทานอาหาร

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูซาน มัวร์ โฆษกจากสมาคมโภชนาการของอเมริกาและที่ปรึกษาด้านสารอาหารในเซนต์ปอล ได้ออกมาบอกว่า การรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเราแถมยังช่วยรักษาสมดุลของอารมณ์ได้ เพราะ นอกจากอาหารจะให้พลังงานแล้ว ยังสร้างเซโรโทนิน ซึ่งเป็นเคมีในสมองที่สามารถทำให้จิตใจของคนเราสงบและเย็นขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อคนเราเลือกอาหารที่ดี อารมณ์ของเราก็จะดีไปด้วย

          นอกจากนี้มัวร์ยัง บอกอีกว่าปัจจุบันคนหันมานิยมการรับประทาน
อา หารแบบโลว์คาร์โบไฮเดรตกันมากขึ้น เป็นเหตุทำให้มีผลทางข้างเคียงกับอารมณ์ เพราะคาร์โบไฮเดรตจะเป็นตัวสร้างเซโรโทนินให้กับร่างกาย หากร่างกายของคนเราขาดแคลนคาร์โบไฮเดรตก็จะส่งผลให้อารมณ์เปลี่ยนไปด้วย...

           ถ้าคุณอยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนอารมณ์ดี อาหารเหล่านี้ช่วยคุณได้

           ปลาแซลมอนและแม็กคาเรล ซึ่ง ปลาทั้ง 2 ประเภทนี้จะมีโอเมก้า 3 อยู่เยอะมาก ที่สำคัญมีการวิจัยมาแล้วว่าโอเมก้า 3 มีผลกับอารมณ์ของคนเรา นอกเหนือจากที่โอเมก้า 3 ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง ที่ดีไปกว่านั้นแซลมอนยังเต็มไปด้วยเซเลเนียมที่เป็นสาระสำคัญในการต่อต้าน อนุมูลอิสระด้วย

         ตามมาด้วย คาโนลาออยล์ (Canola Oil) น้ำมัน จากดอกคาโนลาซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาก เนื่องจากเต็มไปด้วยวิตามินอีซึ่งมีผลต่อระดับอารมณ์ของคนเรา แต่ด้วยความที่ในน้ำมันจะมีไขมัน จึงควรที่จะรับประทานไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม ซึ่งอาจจะใช้น้ำมันชนิดนี้เวลาทอดปลาแซลมอนหรือทำอาหารสุขภาพที่คุณชอบมารับ ประทานด้วยจะยิ่งดี

             ผักโขมและถั่วสด ซึ่งในผักใบสีเขียวเข้มอย่างผักโขมหรือถั่วนั้นมีโฟเลตสูง ช่วยให้คนเรามีอารมณ์อยู่ในระดับปกติ เนื่องจากโฟเลตมีส่วนสำคัญในการสร้างเซโรโทนิน ที่ดีไปกว่านั้นการรับประทานถั่วจะช่วยให้ร่างกาย
รับวิตามินซีและไฟเบอร์ด้วย แต่ถ้าคนที่ชอบทานถั่วแนะนำให้เลือกรับประทานถั่วสดเพราะจะมีสารอาการมากกว่า
ถั่ว กระป๋อง หรืออาจจะเพิ่มผักใบเขียวไปด้วยก็ได้จะยิ่งทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ เพิ่มมากขึ้น แถมผักโขมยังสามารถช่วยแก้อักเสบ แก้ฝี แก้ผดผื่นคัน มีน้ำเหลือง และใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้ด้วย...

               ตามมาด้วยไก่ อาหารที่มีวิตามินบี 6 อยู่ในปริมาณมาก ซึ่งไก่จะช่วยสร้างเซโรโทนินขึ้นในร่างกายของเรา และยังเป็นแหล่งของเซเลเนียม วิตามินและสารอาหารอื่นๆ ด้วย แต่การรับประทานหนังไก่เข้าไปในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เพิ่มไขมันให้ร่างกาย ไม่น้อยเช่นกัน หากเลือกที่จะรับประทานไก่ ให้เลือกที่ไม่มีหนังไก่ติดมาดีกว่า...
           
              หากเริ่มรู้สึกว่าคนข้างๆ คุณเริ่มอารมณ์เสีย ลองเปลี่ยนเมนูมื้อต่อไปเป็น ปลาแซลมอน ปลาแม็กคาเรล คาโนลาออยล์ (Canola Oil) ผักโขม ถั่วสด และไก่ เป็นอาหารมื้อต่อไปดูสิ แล้วตัวคุณและคนข้างๆ อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญเมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายด้วยเสมอ เพียงแค่วันละ 30 นาที ก็พอ หากคุณทำได้ สุขภาพดี อารมณ์แจ่มใสจะอยู่กับคุณ
             

นวดไทยและยาสมุนไพรบำบัดโรคมะเขือเผา

นวดไทยและยาสมุนไพรบำบัดโรคมะเขือเผา

     ปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศดูจะกลายเป็นภัยเงียบที่ค่อยๆ รุกทำลายความสดใสในครอบครัวคนไทยเพิ่มมากขึ้นทุกปี และจะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง สาเหตุของสมรรถภาพทางเพศเสื่อมมาจากโรคภัยไข้เจ็บ อย่างเช่น เบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หดหู่ ท้อแท้ และมาจากอายุมากขึ้น

     ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่ทาง อย.ไฟเขียวให้ขายยารักษาอาการสมรรถภาพทางเพศหย่อน ได้ตามร้านขายยาทั่วไปที่ผ่านเกณฑ์พิจารณาจาก อย. โดยต้องขายตามใบสั่งแพทย์ เพื่อแก้ปัญหายาปลอมที่ระบาดอย่างหนักและขายกันเกลื่อน โดยเฉพาะทางอินเทอร์เนต ซึ่งการใช้ยาปลอมนั้นมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่ทางฝั่งนักวิชาการก็มีความเห็นคัดค้าน เนื่องจากยากลุ่มดังกล่าวนี้มีผลข้างเคียงสูง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างถี่ถ้วนก่อน ด้วยเกรงว่าจะมีการซื้อขายกันง่ายเกินไป ซึ่งก็จะกระทบต่อสุขภาพอนามัยไม่แพ้ยาปลอมเหมือนกัน

     หันกลับมามองทางด้านการแพทย์แผนไทย พบว่าในคัมภีร์โรคนิทานคำฉันท์ ได้กล่าวถึงโรคสรรถภาพทางเพศหย่อนและการรักษาอย่างชัดเจน  โดยแนะให้ภรรยาช่วยนวดให้ ใจความว่า

     แพทย์ใดเมื่อได้เห็นโรคกล่อนเส้นซึ่งขัดขวาง

     ให้นวดแต่เบื้องล่างเหนือตาตุ่มข้างท้องน่อง

     แก้องคะชาตตายเพื่อกล่อนร้ายมิลำพอง

     หนึ่งเส้นนำแข้งสองรวมทำนองกล่อนปัตะฆาฎ

     เส้นหลังแล่นกระหลบไคลก้นกบดีทายาท

     กระถบเสียวดังเยี่ยวราดแก้องคะชาตอันชาตาย

     เจ็บหลังบ่อมิสบายเพศกล่อนร้ายแล่นลงฝัก

     ฟกฟูดูน่าชังเจ็บเอวหลังเป็นพ้นนัก

     บางที่โทษลงฝักหนักเป็นอุ้งดูบัดสี

     บางทีเป็นไส้เลื่อนแปลแชเชือนโทษกาลี

     เส้นกล่อนในคัมภีร์พึงขยายเส้นใต้ศูนย์

     ใต้สะดือสักนิ้วกึ่งประจงคลึงตลอดจูน

     เคียงเรียงเส้นศูนย์ชื่อนาคบาทบอกให้รู้

     แม้นนาคนอนอ่อนระทดบ่อพึงผดซบเศียรอยู่

     ดังทารกซึ่งมิรู้ชูไม้ค้อนเข้ายอนหาง

     แสนพิโรธโลดทะลึ่งลำพองผึงพังพานกาง

     ชูเศียรพองขนองหางบางเหี้ยมพิษกำแหงแรง

     วิธีเส้นดังกล่าวมาแพทย์ปุจฉาอย่าเขลาแคลง

     จะกล่าวนักมักหมิ่นแหนงจะเสื่อมแสวงไม่เรียนรู้

     แม้นจะใคร่วิถานความพยายามเสาะถามครู

     ร่ำเรียนเพียรถามดูจึงจะรู้สืบๆ ไป

     ในคำกลอนได้กล่าวว่า การแก้องคชาตตายให้นวดตั้งแต่เหนือตาตุ่มข้างท้องน่อง หน้าแข้งไปตามสันแข้ง 2 แนว ถึงเข่า แล้วนวดแบบกร่อนปัตคาด (เส้นซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันกับเส้นเลือดแถวบริเวณท้องน้อยและหน้าขา เมื่อกดเส้นนี้จะรู้สึกเต้นตุ๊บ) นวดหลังบริเวณก้นกบจนถึงเอวด้วยการคลึง หากนวดถูกเส้นนี้จะรู้สึกเสียวเหมือนจะปัสสาวะราด จึงใช้นวดแก้อาการปัสสาวะขัดหรือฉี่ไม่ออก แก้ขัดเอว ปวดหลัง ก็หายได้ อีกแบบหนึ่งให้นอนหงาย แล้วนวดเส้นใต้เส้นศูนย์ คือเส้นใต้สะดือประมาณ 1 นิ้ว คลึงลงไปทางขวาเล็กน้อยจนถึงหัวหน่าว เรียกเส้น นาคบาท

     ถ้ามองตามหลักการแพทย์แผนไทย ปัญหาของสมรรถภาพทางเพศเสื่อมคือปัญหาของธาตุดิน ที่เรียกว่า เส้นเอ็นพิการ เส้นหลักคือเส้นประธานที่มาบริเวณ Prineum บริเวณทวารหนัก-เบา อวัยวะเพศ หรือเส้นสิกขี (ชายเรียกคิชชะ) และสุขุมัง โบราณเรียกโรคที่เกิดความเสื่อมของเส้นว่า "กล่อนเส้น" เมื่อใช้นวดแล้วไม่ดีขึ้นมักต้องใช้ยาร่วมด้วย คือมีการรักษาแบบองค์รวม คือปรับธาตุ 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปพร้อมกับการนวดรักษา และการใช้ยาสมุนไพร รวมถึงการออกกำลังกาย และการฟื้นฟูจิตใจหรือการทำสมาธิเพื่อรักษาที่ต้นเหตุ ที่มาจากสภาพจิตใจ

     สำหรับสมุนไพร มีหลายตัวที่โบราณระบุว่ามีสรรพคุณบำรุงกำหนัด ส่วนมากเป็นสมุนไพรที่มีชื่อโลดโผน ชูกำลัง บำรุงกำลัง นิยมนำมาดองด้วยเหล้ารับประทาน เช่น มะเขือแจ้เครือ ราก รสเฝื่อนเปรี้ยวเล็กน้อย  แก้กษัย แก้ปัสสาวะพิการ ใช้ทำยาแก้กามตายด้าน บำรุงความกำหนัด กำลังช้างสาร บำรุงธาตุ แก้อ่อนเพลีย บำรุงโลหิต บำรุงเส้นเอ็น เป็นยาอายุวัฒนะ กำลังเสือโคร่ง  กำลังพญาเสือโคร่ง บำรุงกำลัง เจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ บำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย บำรุงธาตุ เป็นยาอายุวัฒนะ

     โด่ไม่รู้ล้ม รสกร่อยขื่น แก้ปัสสาวะพิการ บำรุงความกำหนัด มะเขือขื่น ใช้ราก มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ขับเสมหะ กระทุ้งพิษไข้ ใช้ปรุงกับยาอื่น แก้กามตายด้านและบำรุงความกำหนัด ม้าแม่กล่ำ บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ทำให้นอนหลับ เจริญอาหาร บำรุงความกำหนัด เป็นต้น

     นอกจากนี้ยังมีท่ากายบริหารแบบฤๅษีดัดตนบางท่า ที่โบราณกล่าวว่าช่วยบำบัดได้ คือ ท่าแก้ลมในอก ท่าแก้ลมในลำลึงค์ ท่าแก้ลมลำลึงค์และอัณฑะ แก้ลมอัณฑพฤกษ์ ท่าแก้เส้นมหาสนุกระงับ เป็นต้น ใครสนใจท่าฤๅษีดัดตนแก้ไขมะเขือเผาก็ลองหาตำราฤๅษีดัดตนมาฝึก นอกจากแก้ปัญหาของโรคและอาการแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านการปรับสมดุลร่างกาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี และช่วยฝึกสมาธิไปพร้อมๆ กันด้วย

     ใครมีปัญหาสมรรถภาพทางเพศหย่อน อย่าอายที่จะรับการรักษากับแพทย์ ให้รีบปรึกษาและทำการรักษาอย่างจริงจัง และการนวดไทยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยท่านได้ ที่แนะนำให้ภรรยานวดสามี เพราะขนบธรรมเนียมไทยนั้นภรรยามีหน้าที่ปรนนิบัติพัดวีสามีอยู่แล้ว อย่างน้อยสัมผัสบำบัดจากภรรยา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความเข้าอกเข้าใจ พร้อมจะช่วยเหลือและช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของอีกฝ่ายได้ และยังเป็นการส่งเสริมการนวดช่วยเหลือกันเองในครอบครัวอีกด้วย.

อย. ยืนยันยังไม่พบไข่ไก่ปลอมในไทย


นพ. พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยกรณี พบไข่ไก่สดมีลักษณะผิดปกติ เช่น ไข่แดงมีสีเหลืองซีด  ไข่ขาวเหลวและขุ่น ไม่ข้นใสเหมือนไข่ไก่สดปกติ จึงสงสัยว่าเป็นไข่ไก่ปลอมและได้ร้องเรียนให้ อย. ตรวจสอบมา หลายครั้งแล้วนั้น  อย. รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้มีการตรวจสอบรวมทั้งส่งตัวอย่างไข่ไก่สดที่สงสัยว่าปลอมตรวจวิเคราะห์  ดี เอนเอที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยผลการวิเคราะห์มักจะพบว่าไข่ไก่สดดังกล่าวมีดีเอนเอจำเพาะของไก่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไข่ไก่สด นั้นเป็นไข่ไก่สดแท้ ไม่ใช่ไข่ไก่ปลอมตามที่ผู้ร้องเรียนสงสัย  

อย่างไรก็ตาม จากข่าวพบไข่ไก่ที่มีลักษณะเหมือนไข่ปลอมที่จังหวัดสงขลา เนื่องจากมีสภาพผิดปกติแตกต่างจากฟองอื่น ๆ นั้น  อย. ได้มีการประสานงานกับ สสจ. ซึ่งได้แจ้งว่าสาธารณสุขอำเภอพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ให้เดินทางเข้าตรวจสอบไข่ไก่ทุกแผง  ที่มีจำหน่ายและสุ่มเก็บตัวอย่างพบว่าไข่ไก่มีลักษณะปกติ และยังไม่มีการตรวจพบไข่ไก่ปลอมแต่อย่างใด  

เลขาธิการฯ อย. กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก เพราะจากการเฝ้าระวังที่ผ่านมาของ อย. ยังไม่พบการจำหน่ายไข่ไก่ปลอมแต่อย่างใด พบเพียงไข่ที่มีลักษณะผิดปกติเนื่องจากเป็นไข่เก่า ซึ่งอาจมีลักษณะผิดปกติบางประการ เช่น ไข่ขาวเหลวและมีสีขุ่น ไข่แดงแตกง่าย 

เนื่องจากโปรตีนในไข่ มีการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ เมื่อนำไปต้มหรือทอดจะมีความแตกต่างจากไข่สดปกติที่จำหน่ายตามท้องตลาด  บาง ครั้งอาจพบไข่แดง มีสีเหลืองอ่อนหรือสีครีม ซึ่งขึ้นอยู่กับอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ และพันธุ์สัตว์ ซึ่งจะทำให้ไข่แดงมีสีแตกต่างกันออกไปหรือบางครั้งอาจพบว่าเปลือกไข่มี ลักษณะนูนหนาเป็นบางที่ ไม่เรียบเสมอกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพของสัตว์  

ทั้งนี้ ขอแนะนำผู้บริโภคให้ทราบถึงวิธี การสังเกตลักษณะของไข่ไก่สด โดยที่เปลือกไข่สดจะมีผงคล้ายแป้งฉาบติดอยู่ ส่วนไข่เก่าเปลือกจะมันลื่นไข่ไก่สดเปลือกภายนอกจะเป็นสีนวล แต่ไข่เก่าที่จะเน่านั้นจะมีจุดสีเทาขาว ๆ ดำ ๆ อยู่ที่เปลือก หรือทดสอบโดยการเขย่าว่าไข่มีการคลอนหรือไม่ เพราะไข่ไก่สดเนื้อจะแน่นติดเปลือก มีน้ำหนักไม่สั่นคลอนเวลาที่เขย่า และควรเลือกไข่ที่มีเปลือกสะอาด เพราะไข่ที่มีเปลือกสกปรก เชื้อโรคจะแทรกซึมเข้าไปในไข่ ทำให้ไข่ไก่เสียได้ หากพบไข่ไก่ที่มีลักษณะผิดปกติจำหน่ายขออย่าได้ซื้อมาบริโภค  หากผู้บริโภคพบไข่ไก่ที่มีความผิดปกติสามารถแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือที่สายด่วน อย. 1556

สาวหลากวัย กินอย่างไรให้ผิวสวย


แนะสารพัดผัก-ผลไม้ เสริมสุขภาพดีสู่ภายนอก

พ.ญ.กานต์ ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการ กานต์ชนกคลินิก ให้ความรู้ถึงการรักษาผิวสวยของสาวๆ ทุกวัย ที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร โดยเน้นสารกลูต้าไธโอนเป็นพิเศษ เพราะสารตัวนี้เป็นโฮโมนชนิดหนึ่งที่ตับเป็นผู้สร้าง มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนต์) เซลล์ไม่ถูกทำลาย กลายเป็นเซลล์ที่แข็งแรง ส่งผลให้เซลล์ใต้ผิวหนังแข็งแรงตามไปด้วย ทำให้เม็ดสีลดลง ผิวจึงขาวขึ้น

แหล่งกลูต้าไธโอนมีอยู่ในสารสกัดจากธรรมชาติมากมาย ที่เด่นๆ คือ เปลือกสนฝรั่งเศส หากเป็นเปลือกสนสีส้มอ่อนจะมีคุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ทำให้ขาวได้ เนื่องจากพืช ตระกูลเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยเปิดเส้นเลือดหัวใจ ช่วยทำลายพลักหรือคราบไขมันที่เกาะในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดไม่ยืดหยุ่น เกิดภาวะการอุดตัน เส้นเลือดตีบลง ทำให้ส่งผ่านเลือดไปสู่หัวใจได้น้อยลง

กลูต้าไธโอนในธรรมชาติมีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ในข้าวซ้อมมือของไทยเรานี่เอง กินข้าวซ้อมมือวันละ 3 มื้อ เราจะได้กลูต้าไธโอนธรรมชาติ ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที นอกจากนี้ยังพบในผัก ผลไม้ อาทิ แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น ผลอะโวคาโด สำหรับเนื้อสัตว์พบในปลา และเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ฯลฯ

"You are what you eat" หรือ กินเช่นไรได้เช่นนั้น ยังคงเป็นประโยคที่หลายๆ คนเห็นด้วย หากรวมอาหารนี้ไว้ในมื้ออาหารที่เรารับประทาน ก็จะได้ผิวพรรณที่สวยสมบูรณ์แบบ

1. ส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนวัย

2. มะนาว อุดมด้วยวิตามินซี ที่มีประโยชน์ ต่อผิว และยังช่วยทำความสะอาดตับซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย

3. แครอต ให้คุณค่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อาหารที่จำเป็นสำหรับผิว

4. กีวี ประกอบด้วยวิตามินซีที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน

5. อะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิว การกินอะโวคาโดวันละผล ให้วิตามินอีเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้

6. โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ

7. เมล็ดถั่วต่างๆ อุดมด้วยโปรตีน สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิวสวย

8. งา อุดมด้วยวิตามินบี สังกะสี และโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนวัยอยู่เสมอ

9. ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอมชมพูดูมีสุขภาพดี และ 10.ปลาอุดมไขมัน เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันปลาช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น

อาหารทำลายผิว ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

1. มาร์การีน และน้ำตาล เป็นตัวการที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยมากขึ้น

2. อาหารทอด เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันทำให้เกิดสิว

3. กาเฟอีน เป็นสารที่ดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นจากร่างกาย ทำให้ร่างกายขาดความชุ่มชื้น 4.เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ และในกรณีที่แพ้จะทำให้ผิวเป็นผื่นแดงด้วย

การ ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณของเราอย่างครบถ้วนสม่ำเสมอ เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก การที่เราจะมีผิวพรรณที่ขาวใสได้นั้นต้องเริ่มมาจากสุขภาพดีก่อน นั่นหมายถึงอวัยวะภายในต้องดี ผิวเนื้อ ผิวกาย ผิวเซลล์ต้องแข็งแรง เพราะถ้าเซลล์แข็งแรง เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น เลือดไหลเวียนดีแล้วส่งออกซิเจนไปถึงผิว จะทำให้เรามีผิวพรรณที่ขาวสดใส หรือเรียกว่าสุขภาพผิวดีนั่นเอง

ความ งามจากภายในสู่ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญที่ให้เรามีความสวยอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อนที่เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อผิวสวยและสุขภาพที่ดีจะได้อยู่คู่กับตัวเราไปนานๆ

รู้ทันการดูแล “เส้นผม”


ผม หมาย ถึงเส้นผมที่อยู่บนหนังศีรษะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสีย ความร้อน และผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิกลักษณะของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อจิตใจของคน ใครที่พบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมหงอก อาจก่อให้เกิดปัญหาทางใจ เช่น ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้

สาเหตุของปัญหาผม

ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้

แชมพู

ปัจจัย หนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผม คือสิ่งใกล้ตัวท่านแต่ถูกมองข้าม นั่นคือ แชมพูที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ แม้บางท่านจะบอกว่าท่านเปลี่ยนยี่ห้อไปอยู่เรื่อยๆ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสารทำความสะอาดที่ถูกผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ (แม้ในแชมพูที่ผสมสมุนไพรและอ้างว่าจากธรรมชาติ) ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงและมีความเป็นด่างสูง เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate; SLS) ซึ่ง ให้ฟองได้มาก ราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย เช่นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตกค้างสะสมและทำลายเซลผม (รวมถึงรากผม เซลสร้างเม็ดสี และเส้นผม) และเซลผิวหนัง เมื่อใช้บ่อยๆจะยิ่ง กระด้าง แห้ง แข็งเป็นไม้กวาด เริ่มหวีไม่อยู่ทรง และ ทำให้หนังศีรษะมัน มากขึ้นเนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารชะล้างอย่างรุนแรงและจะชะล้างไขมันตาม ธรรมชาติ(ที่ช่วยเคลือบให้ผมมันเงา) จึงทำให้ร่างกายต้องขับไขมันออกมาชดเชยมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของคนที่หนังศีรษะมันยิ่งสระผมหนังศีรษะก็ยิ่งมัน บางรายเกิดการระคายเคืองเซลผิวชั้นหนังกำพร้าทำให้เกิดเป็น รังแค แต่ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ซื้อแชมพูขจัดรังแคมาใช้ ซึ่งแชมพูประเภทนี้นอกจากจะมีสาร SLS แล้ว ยังผสมสารยับยั้งการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติของเซลชั้นหนังกำพร้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อหยุดใช้อาการที่เป็นก็กลับมาเป็นอีก ทำให้เซลผิวต้องสัมผัสกับสารเคมี และถูกกดการทำงานอยู่ตลอด ทำให้เป็น รังแคเรื้อรัง

ครีมนวดผม/ทรีทเม้นท์หมักผม

สำหรับผู้ที่ชอบให้ผมนิ่มลื่น อาจยังไม่รู้ถึงพิษภัยจากสารกลุ่มซิลิโคน (มักมีชื่อลงท้ายด้วย “thicone”) เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone) ไดเอทธิโคน (Diethicone) หรือ อื่นๆ เป็นสารเคลือบเส้นผมทำให้ผมนิ่มลื่น เป็นมันวาว มีสปริง หวีง่าย แต่จะตกค้าง เคลือบรูเส้นผม เมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆจะเกิดการสะสมอุดตันรูเส้นผม ทำให้เซลผมทำงานผิดปกติ การขับของเสีย การดูดซึมสารอาหารลดลง และทำให้ ผมร่วง เมื่อใช้ในระยะยาว

ที่เลี่ยงยากคือ สารเพิ่มฟอง เพิ่มความข้น ตัวฉกาจที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คือ DEA (ได เอทธานอลาไมด์) ซึ่งเกรงกันว่าอาจก่อ มะเร็ง จนในบางประเทศต้องให้ยกเลิกการใช้ สารอีกกลุ่มที่อาจก่อให้เกิด การแพ้ จากการใช้เป็นประจำแต่คนก็ชอบใช้คือ กลิ่นสังเคราะห์หอมๆ สีสังเคราะห์สวยๆ และลาโนลิน (Lanolin)

Demodex ไรขนที่คุณอาจไม่รู้

อีกสาเหตุหนึ่งที่คุณอาจไม่รู้คือ ไรขน (Demodex) ซึ่ง ติดต่อโดยการสัมผัส ตัวไรแพร่พันธุ์ อาศัยอยู่และแย่งกินสารอาหารที่รากผมทำให้ผมขาดสารอาหาร ผมจึงมี ขนาดเล็ก บางลง สีจางลง ขาดความมีชีวิตชีวา และหงอก นอกจากนั้นยังอาจทำลายโครงสร้างของเซลผม ทำให้ ผมร่วง หรือ หงิกงอ

เมื่อตัวไรคืบคลานไปบนหนังศีรษะหรือผิวโดยเฉพาะเวลากลางคืนจะทำให้ท่านที่มีประสาทไว (Sensitive) รู้สึก คันยิบๆ ขณะเดินทางมันจะปล่อยของเสีย และทิ้งคราบที่ลอกออกมา ทำให้เกิดขยะบนหนังศีรษะ หรือผิวหนังของเรา ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย ไวรัส และริกเก็ทเซียที่เกาะอยู่ตามข้อต่อเล็กๆ ของขาตัวไร จึงก่อให้เกิดการติดเชื้ออักเสบเป็น สิว หรือ ตุ่มแดง บนหนังศีรษะ และที่สำคัญ หากร่างกายเกิดการต่อต้านของเสียที่ตัวไรขับออกมา และซากตัวไรที่ตาย ทำให้เกิดปฏิกิริยา แพ้ (Sensitization) เช่น แพ้เครื่องสำอาง สบู่ หรือแม้แต่เหงื่อของตัวเอง

และ เนื่องจากที่ขาของตัวไรมีเล็บแหลมคมสำหรับเกี่ยวจึงทำให้ผิวหนังเกิดการ ระคายเคืองและมีปฏิกิริยาโต้ตอบ โดยการสร้างผนังเซลผิวชั้นนอกขึ้นอย่างรวดเร็ว(Proliferation of Epithelium) ทำให้ผนังเซลพอกหนาและหลุดร่อนออกมาเร็วกว่าปกติเกิดเป็น รังแคหรือ สะเก็ด บนหนังศีรษะ

อยากให้ผมสั้นยาวเร็ว ทำได้ด้วยสูตรสมุนไพรพื้นบ้าน


รู้ไหม๊ว่าโดยเฉลี่ยแล้วเส้นผมคนเราจะยาวประมาณครึ่งนิ้วต่อเดือน สำหรับคนที่ผมสั้น แล้วอยากให้ผมยาว ดูสวยเร็วๆ วันนี้ Tips สุขภาพ มีวิธีดูแลเส้นผมให้ยาวเร็วขึ้นมาฝากกัน... วิธีการทำก็ไม่ยากค่ะ มาดูกันเลยดีกว่า

หลัก จากที่เราสระผมและนวดผมเรียบร้อยแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูค่อยๆ ซับผมเบาๆ แต่อย่าขยี้ผมแรงๆ โดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม

จากนั้นให้บดกล้วยหอมผสมกับน้ำผึ้ง พอกให้ทั่วทั้งศีรษะ ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก

หากใครไม่สะดวกวิธีนี้ลองใช้สูตรดอกอันชัญดู ก็ได้ค่ะ เพียงนำดอกอันชัญมาคั้นเอาน้ำ จนได้น้ำอันชัญสีน้ำเงินอมม่วงออกมา หลังจากนั้นนำไปหมักผมทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก สูตรนี้จะทำให้ผมดูดกดำเงางาม แถมยังยาวเร็วได้อีกด้วยคะ

แต่ ถ้าคุณเป็นคนผมแห้ง ต้องการให้ผมดูเงางาม ลองใช้แฮร์โค้ตประมาณ 2-3 หยด ชโลมและนวดให้ทั่วศีรษะ แต่ถ้าเป็นคนผมมัน ไม่ควรทำวิธีนี้นะคะ

และที่สำคัญอย่าลืมที่จะทำทรีทเม้นสัปดาห์ละครั้ง เพราะจะทำให้มีสุขภาพผมที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

เคล็ดความงาม...ใต้วงแขน


มะขามเปียก+น้ำผึ้ง แก้ปัญหารักแร้ดำ


ตาม ปกติแล้วผิวใต้วงแขนจะมีสีคล้ำกว่าผิวส่วนอื่นๆ เล็กน้อยเพราะเป็นส่วนที่ผิวย่นมารวมกันเหมือนคอ หรือบริเวณขาหนีบ แต่หากผิวส่วนนี้ดำคล้ำกว่าสีผิวส่วนอื่นอาจเป็นไปได้ว่าเกิดความผิดปกติ ขึ้น ควรพิจารณาหาสาเหตุและรักษาอย่างเร่งด่วน

ปัญหา รักแร้ดำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือ การสัมผัสสารเคมีอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการระคายเคืองและรอยดำ จากน้ำหอม สารกันเสีย หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Triclosan, Triclocarban, Irgosan ในยาระงับกลิ่นกาย

การรักษาจึงต้องแก้ไขตามอาการ หากเป็นการแพ้น้ำหอม ควรเปลี่ยนไปใช้โรลออนชนิดที่ไม่มีสารสร้างกลิ่นหอมที่ระบุว่า "Fragrance - Free" โดยสังเกตส่วนประกอบสำคัญบนฉลาก หากมีชื่อสารที่แพ้ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาระงับกลิ่นแบบอื่นแทน

ความ อ้วนและการเสียดสีก็เป็นอีกสาเหตุของรักแร้ดำได้ การแก้ไขจึงควรลดน้ำหนักและใช้ยาลดรอยดำ หรือไวท์เทนนิ่งทาควบคู่กัน แต่ไม่ควรใช้กลุ่มที่มีกรดผลไม้ ไม่ว่า AHA หรือ BHA เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองยิ่งขึ้น แต่ถ้ารักแร้ดำและนูนเหมือนกำมะหยี่ (มักพบในคนเป็นโรคเบาหวาน) ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ

ทั้งนี้หลายต่อหลายคนมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป อาทิ มะขาม เปียก ไร้ฝักด้วยนะ ถูเบาๆ ทิ้งไว้แล้วคอยอาบน้ำ เพียงไม่กี่ครั้งขาวขึ้นจริงๆ ทุกวันนี้ยังใช้อยู่เลย ส่วนเวลาจะทิ้งไว้นานแค่ไหน ลองทดสอบน้อยๆ ก่อนดีกว่า

ใช้ มะขามเปียก ผสมกับ นมสด พอกไว้ที่รักแร้ประมาณ 5 -10 นาที ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ขาวชัวส์ ไปหาหมอเลเซอร์รักษา เสียเงินไปหลายหมื่น ก้อกลับมาดำเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มีวิธีที่ง่าย ปลอดภัย และก้อไม่ต้องเสียตังแพงด้วยค่ะ

1. หลีกเลี่ยงการถอนหรือ แว๊กขน เพราะว่าทำห้รักแร้เราเกิดการอักเสบและดำได้

2. เวลาอาบน้ำ ใช้มะขามเปียก + น้ำผึ้ง ทาทิ้งไว้ 5 - 10 นาที แล้วอาบน้ำตามปกติ

3. เวลาออกจากบ้านถ้ามีกลิ่นตัวให้ใช้โรลออนที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สามารถหาซื้อได้ที่คลินิคความงาม หรือซื้อของพวกนีเวียแบบสเปรมาใช้ก้อได้ค่ะ ลองอ่านดูให้ดีค่ะ ยี่ห้ออะไรก้อได้ ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และสารส้ม

4. ก่อนนอน ให้ใช้ครีมทาผิวที่เป็นพวก Whitening ทาที่รักแร้ จากนั้นเอาแป้งฝุ่นทาทับ

อย่าง ไรก็ตามการรักษาปัญหารักแร้ดำ ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นผู้วิเคราะห์สาเหตุเพื่อให้ได้ผลตรง กับอาการและรักษาได้ถูกวิธีที่สุด

เปลี่ยน 5 วันทำงานให้เป็นสวรรค์

ทุก ครั้งที่เริ่มต้นสัปดาห์แห่งการทำงาน คุณอาจรู้สึกเบื่อเมื่อนึกถึงงานที่ต้องทำอีก 5 วัน ตลอดจนปัญหาที่จะเข้ามาแทรกทำให้คุณต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ดังนั้นหากคุณไม่สามารถจัดการกับตารางชีวิต หรือลดละความเครียดลงบ้าง นานวันเข้าก็จะสะสม ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและจิตใจ ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ขอแนะนำวิธีขจัดความเครียดโดยทำให้ วันทำงานที่แสนเบื่อกลายเป็นวันรื่นรมย์อีกสักนิด

วันจันทร์ ปรับนิสัยการทำงาน

มัก เป็นวันที่จราจรคับคั่งเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันแรกของสัปดาห์การทำงาน หากคุณไม่อยากออกจากบ้านเพื่อเผชิญกับรถติดให้อารมณ์เสียกันตั้งแต่เช้า ขอแนะนำให้ตื่นเร็วขึ้นอีกสัก 10 นาที จะได้มีเวลาจัดการตนเองมากขึ้น ออกจากบ้านเร็วขึ้น ทำให้ไม่ต้องประสบกับจราจรคับคั่งอย่างที่เคยชิน เมื่อไปถึงที่ทำงานให้จัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำ แต่ควรจดในสิ่งที่สามารถทำได้ภายใน 1 วัน มิฉะนั้นอาจเหลืองานที่ยังทำไม่ทันบนกระดาษ ก่อให้เกิดความรู้สึกเครียด กังวลมากขึ้นไปอีก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ จัดการงานไปทีละส่วน

วิธี นี้จะช่วยป้องกันการผัดวันประกันพรุ่ง ช่วยให้คุณรู้สึกว่างานนั้นง่ายและเสร็จเร็วกว่าที่คิด ในขณะทำงานอาจมีเวลาสักช่วงที่รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำงาน ให้พยายามเลือกทำงานชิ้นที่คิดว่าใช้เวลาน้อยจะเหมาะที่สุด และสุดท้ายอุปสรรคของการทำงาน คือ การติดต่อสื่อสาร หากคิดว่าช่วงไหนยุ่ง มีงานเร่งด่วน ควรปิดมือถือและใช้ระบบฝากข้อความแทน

วันอังคาร สร้างบรรยากาศการทำงานที่รื่นรมย์

สาเหตุ ของความเครียดส่วนหนึ่งมาจากสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน เช่น เสียงดัง ห้องทำงานไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีส่วนช่วยทำให้มีแรงใจในการทำงานมากขึ้น เริ่มจาก

ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน จัดของให้เป็นระเบียบ หยิบใช้ หรือหาง่าย เพิ่มความสะดวก

หา ของตกแต่งเพิ่มสีสันบนโต๊ะทำงาน จะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เช่น แจกันดอกไม้ ภาพถ่ายกับเพื่อน ครอบครัว หรือภาพเขียนที่ชื่นชอบ

ตรวจ สอบความพร้อมของอุปกรณ์ทำงาน สำรวจว่าโต๊ะทำงานมีแสงสว่างเพียงพอแล้วหรือไม่ เพราะหากมีน้อยไปจะเสียสายตา แก้ไขโดยติดตั้งโคมไฟตั้งโต๊ะ เก้าอี้ไม่แข็งเกินไป นั่งแล้วสายตาพอดีกับโต๊ะ จอคอมพิวเตอร์

วันพุธ ลดความกังวล

ความ กังวลแบบพอดี ทำให้เราไม่ประมาท รู้จักเตรียมการล่วงหน้า ซึ่งเป็นผลดีต่อการทำงาน อย่างไรก็ตามหากมีมากไป จะเป็นอุปสรรคในการทำงาน ทำให้ประหม่า ไม่กล้าตัดสินใจ และอาจทำให้งานล่าช้า

นอก จากนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงชีวิตนอกเวลางาน เก็บไปคิดให้กลุ้มใจเป็นวันๆ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกกังวลมาก ขอให้ถามตนเองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นของใคร คิดกังวลแทนคนอื่นมากไปหรือไม่ จากนั้นอาจปรึกษา พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ และขบคิดดูว่าปัญหามีขอบเขตแค่ไหน และเริ่มหาทางแก้ไขปัญหา ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปทีละน้อย

วันพฤหัสบดี หันมาฟังเสียงตัวเอง ขจัดความเครียด

โดย ปกติในชีวิตประจำวัน เวลาคิด หรือตัดสินใจ เรามักพูดกับตนเองในใจ ซึ่งแบ่งเป็น 2 อย่าง คือ แง่บวก และแง่ลบ ซึ่งการคิดในแง่บวกจะช่วยในการตัดสินใจ เพิ่มความมั่นใจ แต่คิดในแง่ลบจะยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลมากขึ้น เช่น คนที่ยึดถือในความสมบูรณ์แบบมักคิดแบบเกินตัว ซึ่งมักรำพึงรำพันกับตัวเองว่า ฉันน่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ (ซึ่งสถานการณ์จริง ผ่านมานานสายเกินแก้ไขแล้ว)ยิ่งเพิ่มความเครียดให้ตนเอง ทางแก้ไขควรคิดแบบแง่บวกมากขึ้น เปลี่ยนจากคำถามว่า "ฉันทำผิดพลาดตรงไหน" มาเป็น "จะแก้ไขอย่างไรดี" จะเหมาะสมกว่า

วันศุกร์ วิธีขจัดเครียดอย่างง่ายและรวดเร็ว

ในระหว่างวันที่คุณจะต้องเจอกับปัญหาหลายอย่าง มีวิธีขจัดความเครียดอย่างได้ผลและรวดเร็วมาฝากโดยการ

กำหนดลมหายใจ ให้หายใจเข้า - ออก ลึกๆ หลายๆ ครั้ง โดยไม่เปิดปากจะรู้สึกว่าอากาศจะเข้าไปเต็มปอด และท้อง จากนั้นก็หายใจออก

อาจไปเดินเล่นสักพัก หรือฟังเพลง พักดื่มน้ำ ของว่างสักนิด

ออก กำลังกาย นั่งนานๆ มาทั้งวันอาจรู้สึกตึงบริเวณหลัง ขา การออก กำลังกายช่วยให้ร่างกายได้ยืดเส้น ยืดสาย เพียงแค่วันละ 10 นาที ก็จะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้น

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรืออาหารไขมันสูง

หมั่นยิ้มและหัวเราะกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นวิธีที่แบบธรรมชาติที่ลดความเครียดได้อย่างดี

งานทำพิษ ‘ออฟฟิศซินโดรม’




มนุษย์ เงินเดือนประจำออฟฟิศทั้งหลาย ลองถามตัวเองก่อนว่า คุณเป็นคนที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน มีปัญหาสายตา และปวดเมื่อยบริเวณต่าง ๆ หรือไม่? ... เพราะถ้าพยักหน้า พร้อมตอบ ใช่ๆ ก็เข้าข่ายเป็น ออฟฟิศซินโดรมแล้ว

ไม่ ใช่จะป่วย สำแดงอาการแล้วตายในทันที แต่ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการของโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำงานอย่างหักโหม ไม่ดูแลตนเอง ใช้งานร่างกายหนักจนทรุดโทรมและป่วยเป็นโรคต่าง ๆ จนเจ็บปวดทรมานและต้องรักษาในที่สุด

อาการ ที่มักจะเกิดกับผู้ที่เป็นออฟฟิศซินโดรม คือ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจนกล้ามเนื้ออักเสบถามหา โดยเฉพาะบริเวณหลัง คอ ไหล่ ปวดศีรษะ สายตาพร่ามัว แห้งและระคายเคือง ทั้งหมดจะค่อย ๆ ก่อตัว สะสมอาการไปเรื่อย ๆ เนื่องจากมีอิริยาบถไม่ถูกต้อง มักจะนั่งอยู่ในท่าเดิมนานหลายชั่วโมง อาจเป็นเพราะต้องขะมักเขม้นทำงานแข่งกับเวลาจนไม่อยากลุกไปไหน ถ้าไม่จำเป็น ชอบใช้ช่วงใบหูหนีบโทรศัพท์เข้ากับบ่าแล้วคุยต่อเนื่องนาน ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อก็จะมาเยือน ร้ายนักอาจเข้าขั้นหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือกระดูกทับเส้นประสาท

บ้าง ก็มีสภาพโต๊ะทำงานรก สิ่งของกองสุมฝุ่นเกาะ ทำให้หยิบจับอะไรก็ไม่สะดวก นั่งคุดคู้ต้องงอแขน สูดดมละอองฝุ่นพาลจะเป็นโรคทางเดินหายใจ เก้าอี้ นั่งไม่เหมาะสม ขาดพนักพิงรองรับส่วนหลังสูงไปถึงศีรษะ ไม่มีแถบรองข้อมือเมื่อจะต้องพิมพ์งานกับคีย์บอร์ด ข้อมือจะกระดกขึ้นลงซ้ำ ๆ เกิดอาการเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ ซ้ำร้ายพังผืดเกาะหนา มือและนิ้วชา จนเป็นนิ้วล็อก

มองข้ามไม่ได้เลย คงจะเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์กับปัญหาสายตา ถ้ายังใช้จอแบบ CRT จอรุ่นเก่าที่โค้งมน ซึ่งมีลักษณะที่จะทำให้คุณต้องเพ่งสายตามากกว่าแบบ LCD ที่ เป็นจอแบน แม้จอคอมพิวเตอร์จะถูกตั้งค่าความสว่างถนอมสายตาหรือปรับระดับความสูงต่ำให้ เหมาะสมกับมุมมองแล้ว แต่คุณก็ยังนั่งทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์โดยไม่พักสายตา ดวงตาของคุณก็จะเผชิญกับปัญหาน้ำตาระเหยมากจนเกิดการระคายเคือง ตาแห้ง แสบ สายตาสั้น แพ้แสงจนพร่ามัว มองภาพไม่ชัด เมื่ออาการสะสมจนในระดับหนึ่งก็จะรู้สึกปวดบริเวณเบ้าตาและปวดศีรษะ

ก่อน จะป่วยเป็นออฟฟิศซินโดรม หาเวลาว่างจัดโต๊ะทำงานเสียใหม่ โละของไร้ประโยชน์ทิ้ง พยายามวางสิ่งของไว้ทางด้านซ้าย และปล่อยด้านขวาให้โล่งที่สุด เพื่อการเคลื่อนไหวที่สะดวก เก้าอี้เลือกแบบมีพนักรองหลังจนถึงศีรษะ ขยับตัวชัดกับพนัก ไม่นั่งหลังคร่อม ไขว้ขา หรืองอข้อเท้า พักสายตาจากทุก ๆ 20 นาที พยายามกระพริบตาให้ถี่ และเมื่อครบครึ่งชั่วโมง ควรลุกออกจากโต๊ะทำงานเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ และยังควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะอากาศในสำนักงานส่วนใหญ่ค่อนข้างแห้ง ที่สำคัญหากรู้สึกมีปัญหาสายตา ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ ส่วนอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากปรับอิริยาบถ นวดผ่อนคลาย และออกกำลังกายแล้วยังไม่หาย ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา

บอกลา “ฝ้า” ให้หน้าใสปิ๊ง


นะเลี่ยงแสงแดดแรงๆ-สวมหมวก-กางร่ม ช่วยได้

ฝ้า เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีเมลานินออกมามากผิดปกติ ลักษณะของฝ้าจะเป็นผื่นสีน้ำตาลหรือดำบนใบหน้า มักพบบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก คาง หรือบริเวณที่ถูกแสงแดด เช่น คอและแขน โดยจะเริ่มเกิดขึ้นทีละน้อยๆ ในช่วงอายุระหว่าง 30-40 ปีขึ้นไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า

- แสงแดด เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นให้เกิดฝ้า ทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น หรือทำให้ฝ้าเข้มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น.

- ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ เช่น ในระหว่างการตั้งครรภ์ ในวัยหมดประจำเดือน และการรับประทานยาคุมกำเนิด

- พันธุกรรม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า เนื่องจากพบฝ้าได้บ่อยในชาวเอเชียมากกว่าชาวตะวันตก อย่างไรก็ตาม อาจเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมหรือแสงแดดก็เป็นได้

- ยา พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยากันชักบางประเภท จะมีผื่นดำคล้ายฝ้าขึ้นบริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า

- เครื่องสำอาง การแพ้น้ำหอมหรือสีในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำคล้ายฝ้าได้

การรักษาฝ้า

ฝ้า ตื้นซึ่งเป็นฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นหนังกำพร้าจะตอบสนองต่อการรักษาและหายเร็ว กว่าฝ้าลึกซึ่งเกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ วิธีการรักษาทำได้ ดังนี้

- การใช้ยาทาฝ้า เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ฝ้าจางลง ยาทาฝ้าจะลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีและเร่งเซลล์ผิวหนังชั้นบนให้หลุด ลอกออกไป ยารักษาฝ้ามีหลายชนิด เช่น ยาในกลุ่มสารไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ และคอร์ติโคสเตอรอยด์

ควร ใช้ยาทาฝ้าอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจนกว่าฝ้าจะจางลง โดยทาบริเวณที่เป็นฝ้าก่อนนอนทุกคืน เมื่อรอยฝ้าจางหายไป ให้ทาต่อไปสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าเกิดขึ้นอีก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ยาทาฝ้า เพราะยาเหล่านี้มีผลข้างเคียง หากซื้อยามาใช้เอง อาจทำให้ผิวหน้าเกิดปัญหายิ่งกว่าเดิมได้

ใน สมัยก่อนนิยมใช้สารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้า เนื่องจากทำให้ฝ้าจางลงเร็วมาก อย่างไรก็ตาม วงการแพทย์ในปัจจุบันได้พัฒนาสารกลุ่มอื่นขึ้นมาใช้ด้วย เนื่องจากสารไฮโดรควิโนนเป็นสารที่มีผลข้างเคียงสูง คือเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับแสงแดด หากทายาที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนแล้วไม่ทาครีมกันแดด ฝ้าจะดำกว่าเดิม และเมื่อใช้ไฮโดรควิโนนติดต่อกันนานๆ จะเกิดฝ้าถาวร มีลักษณะเหมือนเม็ดงาเล็กๆ ฝังอยู่ในผิวหน้า ฝ้าชนิดนี้จะหนาและเข้มกว่าฝ้าปกติมาก และหากหยุดใช้ไฮโดรควิโนน หน้าจะดำกว่าเดิมอยู่เป็นเวลานาน ฝ้าที่เกิดจากไฮโดรควิโนนต้องรักษาโดยการผลัดเซลล์ผิวประกอบไปด้วย

- การลอกหน้าด้วยสารเคมี อาจทำให้ฝ้าจางลงได้ แต่ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังที่มีความชำนาญเท่านั้น

- การรักษาด้วยแสงเลเซอร์และวิธีไอออนโตโฟเรซิส คือการใช้กระแสไฟฟ้าผลักประจุยาเข้าสู่ผิวหนัง ให้ผลการรักษายังไม่แน่นอน และยังไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้

การป้องกันการเกิดฝ้า

ทำ ได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดฝ้า เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ สวมหมวกหรือกางร่ม และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกแดด หากฝ้าเกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด อาจปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนไปคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น โดยปกติแล้วหากหยุดยาคุมกำเนิด ฝ้าก็จะค่อยๆ จางหายไป เช่นเดียวกับฝ้าที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ก็จะค่อยๆ จางหายไปหลังคลอด

คู่มือคนอยากสูง

1. ออกกำลังกายโดยการกระโดดเชือกวันละ 30 นาที ( จะแบ่งเป็นทำครั้งละ 1 - 5 นาทีแล้วพักก็ได้แต่ต้องทำให้ครบ 30 นาที ไม่รวมเวลาพัก นับแต่เวลาโดด)
2. ก่อนออกกำลังควรทำท่าเหยียดตัวหรือยืดเส้นยืดสายก่อนกระโดด 5 นาที
3. หลังกระโดดครบ 30 นาที แล้ว ควรพัก 3 นาที
4. เตรียมกระโดดสูงโดยโดดให้สูงจากพื้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ( ถ้านึกไม่ออกก็ดูนักวอลเลย์บอลเข้ากระโดดตบลูกหน้าเน็ต

หรือ นักบาสกระโดดยัดลูกเข้าห่วง ) แต่การกระโดดควรกระโดดอยู่กับที่จะได้ไม่เหนื่อยมาก โดดครั้งละ 10 ที แบ่งเป็นเซต เซตละ 10 ทีทำจนครบ 5 - 6 เซต ห้ามต่ำกว่า 5 เซต


5. ทำทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เสาร์ - อาทิตย์พัก
6. ดื่มนมที่มีวิตามินดีเยอะๆนมตราหมีที่ไม่ใช่ของเด็กกินนะหมีกล่องใหญ่นะดื่ม วันละ 3 กล่อง 2 กล่องตอนเช้า 1 กล่องตอนกลางวัน ( ตอนเช้าควรเสริมด้วยไมโล 1 แก้ว กลางวันก็เช่นกัน ) ตอนเย็นดื่มนมเปรี้ยวตามด้วยนมถั่วเหลืองที่ผสมงาดำอย่างละ 1 กล่อง
7.ทาน อาหารให้ครบ 3 มื้อ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นเนื้อสัตว์กับผักและผลไม้ให้มากๆ กล้วยน้ำว้าก่อนออกกำลัง 30 นาที 2 ใบจะดี ( ให้พลังงาน )
8. ดื่มน้ำมากๆวันละ 2 - 3 ลิตรช่วยทำให้ไม่อ้วนทำให้กล้ามเนื้อกระชับไม่บวม
9. นอนตอน 3ทุ่มขึ้นไป ห้ามนอนเกินเที่ยงคืน ฮอร์โมนสร้างความเจริญเติบโตจะหลั่งตั้งแต่เที่ยงคืน - ตี 5


*หมายเหตุ ควรตื่นนอนประมาณ 8 โมงเช้าทุกวันถ้าสามารถทำได้ในช่วงปิดเทอม*


คอมเม้นจากคนที่เคยทดลองแล้วครับ

1. อย่าเชื่อหมอมากว่าชายอายุ 18 ปีจะไม่สูง เพราะตอนผมอายุ 18 ปี สูง 176 19 ปี สูง 178 20 ปี ( ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างที่แนะนำไว้ข้างต้นจึงไม่คอ่ยสูงเท่าไร ) สูง 179 อายุ 21 ปี สูง 183 ปัจจุบันผมอายุ 22 ปี สูง 185 อายุคาดว่าอายุ 23 คงจะสูงได้อีก ซัก 1 - 2 ซม. ทำดูครับรับรองสูงผู้หญิงก็ได้เช่นกันถ้าประจำเดือนมายังไม่เกิน 3 - 5 ปี น่าจะสูงได้เช่นกัน


2.ผมเคยทำมาแล้ว เมื่อตอนอายุ 17 ปี ผมสูงแค่ 170 เซนติเมตร ตอนนี้ผมอายุ 18 ปี ย่าง 19 ปี สูง 187 เซนติเมตร
ขณะตัวผมเองยังไม่เชื่อตัวเองเลย ผมคิดไว้ว่า อายุ 19 ปี กะสูงประมาณ 190 เซนติเมตร ก็พอใจแล้วครับ
ลองเอาไปทำดู รับรองสูง............แน่


3.คน ไทยสามารถสูงจนถึงอายุ25(ชาย)อายุ22(หญิง) กีฬาที่ควรเล่นคือว่ายน้ำอาทิตย์ละ3วันวันละ500-1000เมตรกระโดดเชือกวัน ละ100ที ดื่มนมวันละ1ลิตรเน้นเนื้อไก่(อกไก่)วันละ2ขีด เนื้อปลาวันละ 2ขีด และควรทานผัก ผลไม้ประเภทสลัดคู่ไปด้วยเพื่อไม่ให้ท้องผูก



การบริหารร่างกายโดยการยืดตัว



(อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที)

1.คุก เข่า วางมือ 2 ข้างแตะพื้น ก้มศีรษะลงจนคางชิดหน้าอก พร้อมกับโก่งหลังขึ้นให้ได้มากที่สุด ทำค้างไว้ 3-8 วินาที จึงเงยศีรษะขึ้น แล้วแอ่นเอวให้ได้มากที่สุด ทำค้างไว้ 3-8 วินาที จึงคลายท่า
2.นอนคว่ำลงกับพื้น ยกมือ 2 ข้างวางไว้ด้านหลังของคอ ยกขาข้างหนึ่งขึ้นให้สูงเท่าที่จะทำได้ ทำค้างไว้ 3-5 วินาที แล้ววางลง ทำสลับกับขาอีกข้างหนึ่ง
3.นอนคว่ำให้หน้าแตะพื้น วางฝ่ามือทั้ง 2 ข้างไว้ข้างลำตัว ยกขาขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 ข้างให้สูงเท่าที่จะทำได้ ค้างไว้ 3 วินาที
4.นอนลงให้หน้าติดพื้น ยกแขนและขาขึ้นทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน ทำค้างไว้ 3 วินาที
5.ยืนตรง ยกมือท้าวเอว ก้มตัวให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ ทำค้างไว้ 5-15 วินาที
6.ยืนตรงวางมือทั้ง 2 ข้างไว้หลังศีรษะหรือคอก็ได้ แหงนหน้าและลำตัวให้ได้มากที่จะทำได้ ทำค้างไว้ 5-15 วินาที
7.ยืนตรง ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พยายามเอื้อมมือให้สูงเท่าที่จะทำได้ เอนหลังไปข้างหลังเล็กน้อย ทำค้างไว้ 4-7 วินาที
8.ยืน ตรง วางมือทั้ง 2 ข้างไว้หลังศีรษะ โค้งตัวไปด้านหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะก้มให้คางแตะหน้าอกด้วย อย่าให้เข่างอ ทำค้างไว้ 4-8 วินาที
9.ยืนตรง หันหน้าออกมาให้หลังขนานกับกำแพง พยายามเอื้อมมือให้สูงมากเท่าที่ทำได้ และให้หลังแนบไปกับกำแพงมากเท่าที่ทำได้ ทำค้างไว้ 4-6 วินาที
10.ยืนตรง เขย่งขาขึ้นมา 4 นิ้ว พยายามให้สูงเท่าที่ทำได้ ทำค้างไว้ 3-5 วินาที
11.ยืนชูมือให้สูงเท่าที่ทำได้ จากนั้นก็เอนตัวมาด้านหน้า โดยให้มือแตะนิ้วเท้าให้ได้ ทำค้างไว้ 2-3 วินาที
12.ยืนกางขาประมาณ 1 เมตร ยกแขน ชูมือให้สูงเท่าที่ทำได้ จากนั้นก็ก้มตัวโดยให้มือลอดขาจากด้านหน้าไปด้านหลัง ทำค้างไว้ 5 วินาที
13.ยืน ตัวตรง แล้วก็กางแขนออกไปในระดับไหล่ หมุนตัวช่วงบนไปด้านซ้าย และด้านขวา โดยที่ขาและสะโพกอยู่กับที่ หมุนไปแต่ละข้างก็ให้ค้างไว้ 2-4 วินาที แล้วค่อยหมุนไปอีกข้างหนึ่ง

credit: u-basketball.com

ลดความ “อ้วน”ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งยา

ความ อ้วนมี 2 แบบ คืออ้วนเพราะพันธุกรรม และอ้วนจากการบริโภคอาหารเกินความต้องการร่างกาย ปัจจุบันมีคนทุกข์ทรมานเพราะการลดน้ำหนักไม่น้อย บางคนหันพึ่งยาซึ่งเป็นอันตรายยิ่ง ขณะเดียวกันก็มีคนอ้วนอีกมากที่ลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องพึ่งยา รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกูล แห่งคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้เคล็ดปฏิบัติในการลดความอ้วน ดังนี้

1. ควบคุมอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารประเภททอดและไขมันสูง ที่สำคัญควรจำกัดปริมาณอาหารแต่ละมื้อ เคล็ดลับง่ายๆ ให้ดื่มน้ำแก้วใหญ่ก่อนรับประทานอาหาร น้ำจะทำให้อิ่มเร็วและรับประทานได้ลดลง และควรงดอาหารรสจัด เพราะจะทำให้รับประทานข้าวหรือแป้งมากขึ้น

2. อย่าเผลอตามใจปาก หมั่นสอนใจตัวเองว่า ต้องชนะใจตนเองให้ได้ในครั้งนี้และครั้งต่อๆไป แต่ถ้าแพ้ครั้งแรก โอกาสแพ้ใจตัวเองตลอดไปจะมีสูง

3. มีวินัยในการออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกไป ปัจจุบันมีวิธีออกกำลังกายที่เพลิดเพลินได้พร้อมกับการฟังเพลงโปรดหรือดู ทีวี จะช่วยให้การออกกำลังกายไม่เป็นสิ่งน่าเบื่อหน่าย

4. พยายามหางานอดิเรกหรือกิจกรรมต่างๆ ทำในวันหยุด เพื่อให้ตน เองยุ่งตลอดเวลาจนไม่มีใจคิดถึงการออกไปหาอาหารอร่อยรับประทาน

5. ควรมีเวลานอนหลับพักผ่อนเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7 - 8 ชั่วโมง จะช่วยให้แจ่มใส ไม่หงุดหงิด พร้อมที่จะต่อสู้กับภารกิจในวันใหม่ นอกจากนี้อาจผ่อนคลายด้วยการเสริมสวย เช่น เข้าร้านจัดแต่งทรงผมใหม่ เข้ารับบริการนวดหน้า ทำสปา เพื่อให้อารมณ์ผ่อนคลาย ผิวพรรณผ่องใส

6. ทำตัวให้สดใสร่าเริง โดยการแต่งชุดสวยที่ตนเองชื่นชอบ เป็นการให้กำลังใจตนเองและท้าทายเส้นชัยของการลดความอ้วน อย่าพยายามเลือกใส่เสื้อผ้าที่หลวมเพื่อปกปิดพุงหรือส่วนเกินเพราะจะเปิด โอกาสให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น

7. เมื่อไรก็ตามที่เผลอแพ้ใจตนเอง ให้ลองคิดถึงผู้ที่เป็นเหยื่อของยาลดความอ้วนทั้งหลาย บางรายถึงเสียชีวิต บางรายเสียเงินมากมายเมื่อเริ่มลดได้เพราะกินยาลดความอ้วน เมื่อหยุดยาก็มักเกิด โยโย่เอฟเฟ็กต์ คือ อ้วนมากกว่าเก่า นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายสะสมสารพิษเสี่ยงต่อสารพัดโรค

อย่าลืม การเอาชนะใจตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนัก

เหล้าปั่น...เครื่องดื่มหัวเกรียน


อาจ ไม่ต้องทำสถิตินักดื่มหน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น เพราะเพียงแค่ เดินเฉียดบรรดาร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย ก็พอคะเนได้ถึงปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นของนักดื่มหน้าใหม่ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่นั่งกระดกแก้วเป็นว่าเล่นอย่างน่าตกใจ แต่หากสังเกตย้อนหลังไป เครื่องดื่มมึนเมาเริ่มหันมาทำการตลาดกับผู้หญิงและจูงใจนักดื่มวัยละอ่อน ก็ด้วยการออกสินค้าที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ

ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็คิดค้นเครื่องดื่มที่มีสี สันสดใส ราคาถูก ยามดื่มเหมือนกินน้ำหวาน ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เกิด นิยาม เครื่องดื่มหัวเกรียนซึ่งเรียกขาน เหล้าปั่น ที่ปัจจุบันบรรดาเด็กนักเรียนมัธยมเริ่มหันมาดื่มกันอย่างแพร่หลาย

สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ขยายความหมาย เครื่องดื่มหัวเกรียนจากการสำรวจว่า เด็กเริ่มดื่มเหล้าปั่นตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ขณะที่เยาวชนอายุ 15-19 ปี ดื่มติดต่อกันร้อยละ 70 จากอายุของคนดื่ม ที่ต่ำลงทำให้ในบางพื้นที่ซึ่งทำการสำรวจให้ฉายาเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า เครื่องดื่มหัวเกรียน เนื่องจากตอนนี้ร้านเหล้าปั่นเริ่มแพร่กระจายโดยรอบโรงเรียนมัธยม จากเดิมที่มีร้านเหล้าปั่นหนาแน่นละแวก มหาวิทยาลัย

จาก การแพร่กระจายของร้านเหล้าปั่นทำให้นักเรียนสามารถหาซื้อได้ง่าย บวกกับรสชาติหวานที่นักดื่มหน้าใหม่สามารถบริโภคได้โดยไม่รู้ตัวว่ามี แอลกอฮอล์ ผสมอยู่ ขณะเดียวกันก็แต่งสีสันสดใส ทำให้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต กลุ่มนักเรียนเหล่านี้จึงนำเหล้าปั่นใส่ถุงพลาสติกถือเข้าไปดื่มในโรงเรียน ได้อย่างสบาย โดยครูไม่สามารถรู้ได้ว่า เป็นเหล้าปั่นเพราะมีสีสันเหมือนน้ำผลไม้ปั่นธรรมดา

และ ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ผู้หญิงนิยมเหล้าปั่นอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันร้านขายเหล้าปั่นจะมีโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย เช่น หากนักท่องเที่ยวชายสองคนมากับผู้หญิงหนึ่งคนจะได้เหล้าปั่นฟรีหนึ่งเหยือก ซึ่งตรงกับผลสำรวจที่พบว่า หญิงสาวมักเริ่มดื่มครั้งแรกเพราะฝ่ายชายสั่งให้ดื่ม

การเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะมีแอลกอฮอล์ต่ำหรือสูงย่อมทำให้เด็กมีโอกาสติดเหล้าได้ง่ายในอนาคต ซึ่ง หากดื่มเหล้าตั้งแต่เด็กจะมีผลทำร้ายสมองส่วนความจำและการตัดสินใจ และจากการสำรวจผู้ติดเชื้อเอดส์ในวัดพระบาทนํ้าพุ ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ติดเชื้อเพราะเมาสุราทำให้ไม่ได้ป้องกันตนเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์

ส่วนเหล้าปั่นเป็นบ่อเกิดอาชญากรรม สงกรานต์ ให้ความเห็นว่า แม้จะมีแอล กอฮอล์ผสมไม่มากนัก แต่ด้วยรสชาติที่หวานทำให้สามารถ ดื่มได้ทีละมาก ๆ ซึ่งความหวานจะทำให้แอลกอฮอล์ดูดซับเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้เร็วขึ้นทำให้ เมาง่าย โดยเฉพาะนักดื่มหน้าใหม่ดื่มไปแล้วเมาไม่รู้ตัว ซึ่งเคยมีเหตุการณ์ที่นักศึกษาสาวไปเที่ยวกับเพื่อน หนุ่มแล้วฝ่ายชายสั่งเหล้าปั่นให้ดื่ม ด้วยความที่ดื่มง่ายไม่มีรสชาติขม หญิงสาวจึงดื่มจนเมามาย มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโรงแรมกับฝ่ายชายที่หลอกเธอมาเพื่อมอมเหล้า

และ ด้วยความที่สังคมตื่นตัวมากขึ้น ทำให้ภาครัฐเริ่มเข้าไปดูแลร้านเหล้ารอบสถานศึกษา และพบว่าบางร้านตกแต่งหน้าร้านเพื่ออำพรางไม่ให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าขายเหล้า ปั่น แต่พอเข้าไปในร้านลูกค้าสามารถสั่งเหล้าปั่นประเภทต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก

ด้วย ความที่วัยรุ่นอยากรู้อยากลองทำให้ผู้ประกอบการพยายามแต่งหน้าร้านให้มี สีสันสดใส ดึงดูดกลุ่มเยาวชนให้เข้าไปใช้บริการ ขณะเดียวกันชื่อเหล้าปั่นและชื่อร้านก็ตั้งเพื่อดึงดูดใจกลุ่มเยาวชนให้อยาก รู้อยากลอง ซึ่งเมื่อเข้าไปใช้บริการหลายคนติดใจและใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนมั่วสุมใน ร้าน

สงกรานต์ กล่าวถึงการป้องกันไม่ให้มีจำนวน นักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้นว่า ต้อง เริ่มจากครอบครัวโดยผู้ ปกครองไม่ควรดื่มเหล้าเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น เพราะเด็กจะรู้สึกว่า การดื่มเหล้าเป็นเรื่องธรรมดาและเลียนแบบพฤติกรรม ขณะเดียวกันผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กลิ้มลองอาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เนื่องจากขณะนี้มีขนม เช่น ช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของเหล้าจะทำให้เด็กรู้สึกคุ้นเคยกับรสชาติของสุรา และนำไปสู่การดื่มเหล้า ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของสุรา ตั้งแต่เด็กเพื่อให้เขารู้เท่าทันปัญหาที่จะเกิดขึ้น

ส่วน ครอบครัวที่มีลูกติดสุราอยู่แล้ว ควรให้กำลังใจเด็กในการเลิกเหล้า ขณะเดียวกันควรให้เวลาในการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก ระยะแรกของการเลิกจะรู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรพาเขาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน

ด้าน นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้จัดการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวถึงวงจรเหล้าปั่นในประเทศว่า ไทย เป็นประเทศเดียวในโลกที่คิดค้นเหล้าปั่น โดยขายในราคาถูกใส่เหยือกอันแสดง ออกถึงความเป็นเพื่อน ขายได้อย่างเสรีตามริมถนนหรือรอบสถานศึกษา ต่างจากประเทศทั่วโลกที่มีเครื่องดื่มค็อกเทลรสชาติหวานคล้ายคลึงกัน แต่ต้องผ่านการชงของบาร์เทนเดอร์ในสถานที่ให้บริการ ซึ่งมีราคาแพง ทำให้กลุ่มเยาวชนในต่างประเทศ ยากที่จะดื่มเหล้าประเภทนี้ ได้ง่าย

เหล้า ที่นำมาผสมเพื่อเป็นเหล้าปั่นส่วนใหญ่มีราคาถูกเพื่อประหยัดต้นทุน ซึ่งผู้บริโภคไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคุณภาพของเหล้าที่นำมาผสมเพราะรสชาติ ความหวานได้กลบไว้หมด ซึ่งในบางกรณีคนขายอาจนำเหล้าที่ต้มเอง มาเป็นส่วนประกอบได้ บางครั้งผู้ต้มไม่มีความชำนาญทำให้มีสารเมทานอลตกค้างในเหล้าที่ผลิตขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคตาบอดได้

ปัจจุบัน เด็กกำลังตกเป็นเหยื่อจากเหล้าปั่นมากมาย ดังนั้นภาครัฐต้องมีความกล้าหาญในการออกแนวทางป้องกัน เช่น ห้ามโฆษณาขายเหล้าให้กับกลุ่มเยาวชนอย่างจริงจัง กำหนดอายุผู้ซื้อและผู้ดื่มอย่างเป็นระบบ จำกัดการขายไม่ให้เด็กสามารถซื้อเหล้าในร้านที่อยู่ใกล้สถานศึกษา

ขณะ ที่การทำงานของภาครัฐที่ผ่านมายังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เช่น การรณรงค์ไม่ให้เยาวชนดื่มเหล้า เพราะพวกเขาเหล่านั้นรู้ดีอยู่แล้ว แต่สภาพแวดล้อมเป็นตัวบีบบังคับให้เด็กหันมาดื่มเหล้ามากขึ้น ตลอดจนออกข้อกำหนดให้ดื่มไม่เกินวันละกี่แก้ว ซึ่งการรณรงค์แบบนี้ยิ่งกระตุ้นให้เด็กไม่เลิกเหล้า แต่ยังดื่มในปริมาณที่กำหนด

ปัญหา ของเหล้าปั่นกับเยาวชนในอนาคต ทุกคนควรมองภาพรวมเพราะตอนนี้เหล้าปั่นอาจเป็นแฟชั่นหนึ่งของวัยรุ่น ซึ่งอีกไม่นานก็จะมีเหล้าประเภทอื่นมาแทนที่ ดัง นั้นจึงควรมองถึงการแก้ปัญหาในระยะยาวมากกว่าการมองเพียงการแก้ปัญหาในระยะ สั้น ๆ เพราะพวกเขาคือ อนาคตของชาติที่จะมาทดแทนผู้ใหญ่ในวันนี้ ซึ่งชาติ จะอยู่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเด็กเหล่านี้

จริงอยู่ที่สภาวะปัจจุบันถูกกำหนดด้วยการตลาดเป็นใหญ่ ซึ่งอาจทำให้กระอักกระอ่วนใจเลือกระหว่าง เงินกับจริยธรรมแต่สุดท้ายการกระทำจะเป็นผู้กำหนด